Tag: โซเชียลมีเดีย

Facebook โป๊ะแตก ข่าวหลุดแอบใช้ AI สแกนรูปของผู้ใช้งาน

เมื่อไม่นานมานี้เกิดเป็นกระแสในโลกสังคมออนไลน์ทันที เมื่ออยู่ ๆ Facebook และ IG เกิดล่มไปพร้อม ๆ กัน ทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้งานเกิดความสงสัย บางคนก็ถึงกับหัวเสียไปเลย เพราะอดใช้โซเชียลส่งรูป ส่งเรื่องราวต่าง ๆ แชร์ให้แก่กัน บางคนถึงขนาดขู่ว่าจะเลิกเล่นไปเลย ความไม่พอใจบวกกับความสงสัยในการล่มของระบบ Facebook และ IG ที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันนี้ทำให้เกิดกระแส #facebookdown ตามมาซึ่งส่งกันต่อผ่านทางทวิตเตอร์กันแบบรัว ๆ ความแคลงใจยังไม่ทันจางหายไม่นานก็มีข่าวหลุดออกมาจาก Facebook ว่าที่ระบบล่มนั้น เพราะกำลังทดลองใช้ AI วิเคราะห์รูปต่าง ๆ ของผู้ใช้งานนั่นเอง

Facebook อยากโชว์กึ๋นแต่ดันเป็นการปล่อยไก่

มีการแถลงอย่างไม่เป็นทางการนักของทาง Facebook ว่า ขณะนี้ Facebook กำลังมีความพยายามใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยตรวจสอบคัดกรองอะไรหลาย ๆ อย่าง และล่าสุดก็คือ กำลังสร้าง AI ที่จะนำมาใช้วิเคราะห์รูปโปรไฟล์ของผู้ใช้งานแต่ละราย ซึ่งการทดลองนั้น Facebook ก็ใช้ AI ที่สร้างมาวิเคราะห์ผู้ใช้งานจริง ๆ เลยทั้ง 2 พันล้านบัญชีทั่วโลก ปรากฎว่า AI เกิดทำงานผิดพลาด สามารถวิเคราะห์รูปได้ แต่ให้ความละเอียดที่มากเกินไปเหมือนโฟกัสผิดจุด ไปวิเคราะห์เอาองค์ประกอบโดยรวมเข้ามาหมด ซึ่ง AI ของ Facebook ตัวนี้ได้วิเคราะห์ไปถึงว่ามีอะไรในรูปบ้าง เช่น รูปโปร์ไฟล์ของผู้ใช้งานนั้นเป็นคนมีหนวด มันก็วิเคราะห์ออกมาและขึ้นข้อความบอก ในรูปนั้นมีสีบ้านอะไร มีต้นไม้อะไร มีเฟอร์นิเจอร์อะไร ก็ให้รายละเอียดออกมาหมด จนกลายเป็นว่าระบบรูปภาพของ Facebook ล่ม ซึ่งจะสังเกตว่าในช่วงเวลาที่ระบบล่มนั้น รูปโปร์ไฟล์ของผู้ใช้งานจะมีแต่ข้อความระบุว่ามีอะไรในภาพบ้าง แต่ตัวรูปจะไม่ปรากฏ งานนี้จึงทำให้ Facebook ขายหน้าเอามาก  ๆ จะโชว์ศักยภาพแต่ดันเป็นความผิดพลาดจนกระทบผู้ใช้งานทั่วโลก

หลาย ๆ ประเทศห่วงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

สำหรับประเทศไทยแล้ว อาจจะยังไม่ตระหนักหรือซีเรียสเรื่อง Privacy Invasion หรือ การรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากนัก แต่ในต่างประเทศแล้วกลับให้ความสำคัญมาก เพราะการที่ Facebook ทำแบบนี้เหมือนเป็นการเข้ามาดูพื้นที่ส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะไม่ใช่การเข้ามาดูแบบบุคคลต่อบุคคล แต่ก็เป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทรกแซงพื้นที่ส่วนบุคคลในทางอ้อมนั่นเอง จนทำให้ผู้ใช้งานหลาย ๆ คนเริ่มตั้งคำถามว่า Facebook ทำถูกต้องแล้วหรือ แล้ว Facebook ทำไมถึงทำเช่นนี้โดยไม่บอกกล่าวผู้ใช้งาน แล้วมันจะส่งผลทำให้ประวัติผู้ใช้งานถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชนคนแปลกหน้าภายหลังได้หรือไม่

อย่างไรก็ดี หากมองอีกด้านเพื่อให้ความเป็นธรรมกับ Facebook เจตนาในการทำเช่นนี้ของพวกเขาก็คือ พวกเขากำลังพยายามพัฒนาระบบของตนเอง เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาได้ใช้งาน โดยให้ AI สามารถเข้ามาบอกผู้พิการทางสายตาได้ว่ากำลังโชว์รูปใครอยู่ภายในรูปมีอะไรบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ Facebook พยายามทำมาหลายปีแล้ว ตรงนี้จึงต้องตามดูกันต่อไปว่า Facebook จะมีอะไรออกมาให้โลกสะเทือนกันอีกบ้าง

Instagram แต่ง แชร์ จบ ครบเครื่องเรื่องรูปภาพ

หากเรามีภาพถ่ายสวย ๆ ที่เราเพิ่งถ่ายเสร็จ แต่ยังรู้สึกว่าภาพที่ถ่ายยังขาดมิติของรูปอยู่ อยากจะแต่งรูปแต่ก็ไม่มีความรู้ด้านนี้จะใช้ แอปอะไรแต่งดี ต้องแสงเท่าไหร่ เงาแค่ไหน ความเข้มยังไง คงปวดหัวแย่ถ้าเราไม่เคยเรียนเรื่องแต่งรูปหรือใช้โปรแกรมในการแต่ง แต่ปัจจุบันได้มีหนึ่ง แอปพลิเคชันที่เรียกได้ว่าเป็นโซเชียลมีเดียทางด้านรูปภาพ หรือวิดีโอที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ จากผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ทั้งดารา นางแบบ นายแบบ นักร้อง นักกีฬา ไปจนถึงคนธรรมดาอย่างเรา ๆ แอปนั้นก็คือ อินสตาแกรม

ความพิเศษของอินสตาแกรมก็คือ สมมุติว่าคุณมีรูปภาพที่ถ่ายมาแล้วคุณก็เข้าไปยังแอป จากนั้นก็เปิดรูปภาพคุณขึ้นมาอินสตาแกรม จะมีให้คุณเลือกแบบอิสระ ตั้งแต่รูปแบบสำเร็จรูปก็คือเราเลือกฟิลเตอร์สำเร็จรูปที่อินสตาแกรมมีให้ ซึ่งต้องบอกว่ามีมากมายให้เราเลือกตามความเหมาะสมของรูปถ่ายของเรา หรือตามความชอบของเราเอง ซึ่งถ้าเรายังไม่พอใจเราสามารถแต่งเพิ่มเติมได้ภายใน แอปทั้งใส่แสงแต่งสีใส่เงาก็สามารถทำได้ใน แอปเดียว เรียกได้ว่าเหมาะกับทุกคน ทั้งคนที่ขี้เกียจไม่มีความรู้ในการแต่งรูปก็เลือกฟิลเตอร์สำเร็จรูปที่อินสตาแกรมมีให้ ส่วนคนที่ชอบที่จะแต่งเพิ่มเติมด้วยตัวเองอินสตาแกรมก็สามารถให้คุณปรับแต่งเองได้ตามใจชอบอีกด้วย อินสตาแกรมจึงเป็นแอปที่คนทั่วโลกเลือกใช้เนื่องจากมีความง่ายต่อการทำ แต่ในความง่ายนี้ก็ใช่ว่าจะไม่สวย แต่กลับทำให้รูปของเรามีความสวยและสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ซึ่งความพิเศษของอินสตาแกรมไม่ใช่แค่เพียงเป็น แอปสำเร็จรูปสำหรับการแต่งรูปเท่านั้น แต่ยังเป็น แอปโซเชียลมีเดียที่เรียกได้ว่าติดอันดับต้น ๆ ของโลกอีกด้วยเพราะคนดังระดับโลกหลาย ๆ คนก็ไม่ได้ใช้เฟสบุ๊คแต่กลับเลือกสื่อสาธารณะอย่างอินสตาแกรมมาใช้แทน ความสามารถของอินสตาแกรมนอกจากแต่งรูปแล้ว ยังสามารถอัพรูปโพสลงในอินสตาแกรมได้เลย เพราะอินสตาแกรมก็เป็นหนึ่งในแอปที่เป็นโซเชียลมีเดียคล้าย ๆ กับเฟสบุ๊ค แล้วนอกจากอัพรูปยังสามารถอัพวิดีโอหรือโพสสิ่งต่าง ๆ พร้อมรูปได้อีกด้วย รวมถึงการแชทซึ่งอินสตาแกรมก็สามารถทำได้ แม้จะไม่ค่อยดีเหมือนพี่ใหญ่แบบเฟสบุ๊คก็ตาม นอกจากนั้นอินสตาแกรมยังสามารถให้คุณแชร์รูปที่แต่งเสร็จไปยังโซเชียลมีเดียอื่น อย่างเฟสบุ๊คหรือทวิตเตอร์ได้อีกด้วย

ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คนบางอารมณ์ก็อยากเสพแค่รูปภาพ ซึ่งถ้าเข้าไปเล่นเฟสบุ๊คก็เจอแต่โพสหรือเพจข่าวต่าง ๆ จึงทำให้หลายคนหันมาใช้อินสตาแกรมแทน เพราะไม่ว่าจะเลื่อนไปไหนสิ่งที่คุณจะเจอในอินสตาแกรมจะมีแค่เพียงรูปกับวิดีโอเท่านั้น จึงทำให้ผู้ที่ใช้งานที่ไม่ได้ชอบดูโพสของชาวบ้านแต่อยากดูแค่รูปหันมาใช้งานอินสตาแกรมมากยิ่งขึ้น

Youtube มัลติมีเดียในรูปแบบทีวีดิจิตอลออนไลน์ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อแทนโทรทัศน์

เย็นนี้ละครเรื่องอะไร? พรุ่งนี้วันเสาร์โรงเรียนหยุดต้องรีบตื่นแต่เช้ามาดูช่องเก้าการ์ตูน ประโยคเหล่านี้หากย้อนกลับไปสักสิบปีที่ผ่านมา เราทุกคนคงจะเคยได้ยินกันมามิใช่น้อย เนื่องจากในสมัยอดีตถัดจากยุคที่เรามีเพียงหนังสือให้อ่าน ต่อมาก็มีเพียงแค่วิทยุให้ฟัง จนกระทั่งมาถึงเจ้าสิ่งที่เรียกว่า โทรทัศน์ หรือ TV ที่เราเรียกกันจนติดปาก และโทรทัศน์นี่เองที่ทำให้คนติดมันไม่ใช่น้อย เริ่มมาจากตั้งแต่ยุคสมัยที่โทรทัศน์มีเพียงแค่สองสี คือ ขาวกับดำ ซึ่งในยุคนั้นถ้าใครมีนี่ถือว่ามีฐานะดังไกลไปทั้งหมู่บ้านยิ่งกว่าออกรถป้ายแดงสมัยนี้ซะอีก และในยุคต่อ ๆ มาโทรทัศน์ได้เริ่มมีพัฒนาการมากยิ่งขึ้น เริ่มจากมีจอสี ต่อมามีจอแบน จอโค้ง ภาพคมชัดระดับ Full HD เทคโนโลยีภาพแบบ 4K เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ และอีกมากมาย ทำให้โทรทัศน์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของทุกครอบครัวในทุก ๆ บ้าน เรียกได้ว่าของมันต้องมีเลยทีเดียว โทรทัศน์กลายมาเป็นส่วนสำคัญไม่ว่ากับเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ ต่างก็ติดกันงอมแงม เด็กเอาไว้ดูการ์ตูน พ่อแม่ดูละคร ปู่ย่าดูข่าว ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะทำให้ทุก ๆ คนในบ้านรู้สึกว่ามันกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว อ่านมาถึงตรงนี้เราก็คงเห็นแต่ข้อดีของมัลติมีเดียที่เรียกว่าโทรทัศน์ แต่เราลองมาดูกันซิว่าเจ้าสิ่งนี้มีจุดอ่อนหรือข้อด้อยอะไร ถ้าคุณเป็นเด็กคุณจะรู้เลยว่าถ้าอยากจะดูการ์ตูนที่คุณชื่นชอบคุณต้องรอดูแค่เช้าวันเสาร์และอาทิตย์และเรื่องหนึ่งก็ดันเล่นแค่ 30 นาที และถ้าหากคุณเป็นผู้ใหญ่ที่ติดละครหลังข่าวภาคค่ำล่ะ เรื่องหนึ่งก็เล่นแค่สองวันต่อสัปดาห์ สัปดาห์ละสองชั่วโมง พอกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มก็ดันจบและให้ติดตามต่อสัปดาห์หน้าซะงั้น

แต่ในยุคปัจจุบันนี้ ยุคที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงทุกบ้าน หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือของเราเอง มีเจ้าสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นมา ซึ่งจะบอกว่ามันคือมัลติมีเดียรูปแบบใหม่ที่มาในลักษณะของทีวีดิจิตอลออนไลน์ก็คงไม่แปลก เจ้าสิ่งนั้นก็คือ Youtube คือเว็บไซต์หนึ่งที่ต้องบอกว่าแทบทุกคนบนโลกนี้ต้องรู้จัก ขอแค่มีอินเตอร์เน็ตคุณก็เข้าได้แล้ว คุณลองหลับตาแล้วคิดเรื่องที่คุณอยากจะดูสักเรื่องหนึ่งแล้วพิมพ์เข้าไปในช่องค้นหาของ Youtube พนันกันได้เลยว่า 90% คุณจะต้องเจอแน่นอน แล้ว Youtube มีอะไรให้ดูบ้างล่ะ ถ้าเป็นร้านขายของก็คงต้องบอกว่ามีตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าคุณอยากดูหนัง ฟังเพลง ดูละคร ดูการ์ตูน หรือแม้กระทั่งหาความรู้ ก็ล้วนแล้วแต่มีแทบทั้งสิ้น

เห็นหรือยังที่บอกว่ามันเกิดมาเพื่อแทนโทรทัศน์ดูเหมือนจะจริง เพราะแทบทุกอย่างที่มีในโทรทัศน์ล้วนหาดูได้จาก Youtube ทั้งสิ้น แต่บางอย่างใน Youtube กลับไม่สามารถหาดูได้ในโทรทัศน์ ถึงแม้ว่ายุคนี้จะยังมีคนดูโทรทัศน์อยู่แต่คุณคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเกิดขึ้นของมัลติมีเดียอย่าง Youtube นี้ ทำให้อัตราการดูโทรทัศน์ของผู้คนลดลงไม่มากก็น้อย