Tag: มัลติมีเดีย

ระดับความคมชัดของสื่อมัลติมีเดียสำคัญต่อประสบการณ์การรับชมอย่างไร

จากการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีสื่อมัลติมีเดียทำให้เราได้เห็นว่า “ความคมชัด” หรือความละเอียดของสื่อนั้นเป็นสิ่งที่ถูกพัฒนามาได้ค่อนข้างไกล เปรียบเทียบได้ง่าย ๆ จากการที่เราลองเปิดรับชมสื่อมัลติมีเดียหรือภาพยนตร์ในอดีตเพื่อเปรียบเทียบระดับความคมชัดแบบ HD ในปัจจุบันก็จะเห็นได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน นอกจากเรื่องของความสวยงามที่มากกว่าของภาพยนตร์ HD ในปัจจุบันแล้ว ยังมีประเด็นอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจซึ่งเราได้รวบรวมมาให้ได้อ่านกันแล้ว

รายละเอียดที่มากขึ้น

แน่นอนว่าพออะไรอะไรชัดเจนมากขึ้น การแสดงผลของภาพก็จะมีความละเอียดที่มากขึ้นตามไปด้วย จนตอนนี้จากที่เราว่า HD นี่เป็นระดับความละเอียดที่ชัดมา ๆ แล้ว กลายมาเป็น UHD ที่ระดับความชัดทะลุถึง 8k ไปแล้ว นี่แสดงถึงความต่างของ details ของภาพในสื่อได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อสื่อสามารถสร้างความคมชัดได้มากก็เท่ากับว่าผู้ผลิตสื่อก็จะสามารถใส่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปในสื่อมัลติมีเดียได้มากกว่าเดิม อย่างที่เราจะเห็นได้ว่าในหลายภาพยนตร์จะมีการใส Easter Eggs เข้าไปเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ มากมาย ทำให้ภาพยนตร์น่าสนใจและมีอะไรให้ค้นหามากกว่าเดิม

ความรู้สึกสมจริงยิ่งกว่า

ยังจำรายละเอียดของภาพยนตร์หรือสื่อมัลติมีเดียที่เราเคยชมในอดีตได้ไหม ไม่ว่าจะเป็น production หรือ cg เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าความสมจริงของสิ่งต่าง ๆ ที่ไปปรากฏในสื่อนั้นมีความสมจริงมากขึ้น นั่นก็เป็นเพราะเหตุจากเรื่องแรกที่เราคุยกันไปกับความละเอียดและความคมชัด ยิ่งสื่อมีระดับความคมชัดมากเท่าไรการสร้างสิ่งต่าง ๆ ก็ยิ่งที่จะต้องมีความสมจริงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เป็นข้อดีที่ทำให้เราได้รับชมอะไรที่ดูจริง และรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ผู้สร้างสื่อต้องการนำเสนอได้มากที่สุด

การตอบสนองจินตนาการของผู้ชม

ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในสมัยก่อน ทำให้จินตนาการของเรา (รวมถึงผู้สร้างสื่อ) ต้องถูกจำกัด การนำเสนอมัลติมีเดียจึงอาจไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเอาไว้มากนัก มีหลายสื่อที่ต้องถูกยกเลิกการสร้างสรรค์ไปเพราะข้อจำกัดทางเทคโนโลยี แต่ด้วยในเวลานี้เราสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากกว่าเดิม ทำให้จินตนาการไม่ได้ถูกจำกัด การสร้างสรรค์สื่อเป็นเรื่องง่ายและสามารถทำจินตนาการให้เกิดขึ้นได้จริงผ่านอุปกรณ์ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า

รายละเอียดความคมชัดของสื่อมัลติมีเดียที่มากขึ้น ช่วยให้เราสามารถรับชมความสุนทรีย์ได้อย่างเต็มอรรถรสกับความละเอียดที่ชัดเจนในทุกจุด ผู้สร้างสรรค์สื่อสามารถที่จะเนรมิตทุกสิ่งให้เป็นจริงได้ตามความต้องการ ผ่านการนำเสนอมัลติมีเดียที่ผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไป ทำให้ความคิดถูกสร้างขึ้นมาจนเป็นความจริง ที่เราสามารถรู้สึกได้ถึงตัวตนและการพาเราดำดิ่งไปกับเรื่องราวและเนื้อหาของสื่อ ต่อไปนี้เราก็มารอดูกันว่าในอนาคตเราจะได้พบกับสุดยอดเทคโนโลยีมัลติมีเดียในรูปแบบไหน ช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ เลย

มัลติมีเดียและธุรกิจกับความสัมพันธ์ที่แยกจากกันไม่ได้

เมื่อพูดถึงสิ่งที่เป็นธุรกิจก็ย่อมต้องมีการทำกำไร และการที่ธุรกิจจะสามารถมีกำไรได้นั้นก็จะเป็นที่จะต้องมีการทำการตลาด ซึ่งสื่อมัลติมีเดียคือสื่อกลางที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างกำไรให้เกิดขึ้นได้ แล้วถ้าหากจะถามว่ายุคนี้ต้องใช้สื่ออะไรเป็นหลัก ธุรกิจจึงจะประสบความสำเร็จในวงกว้างได้ คำตอบก็จะต้องเป็นสื่อออนไลน์แน่นอน ด้วยการที่เป็นสื่อซึ่งมี platform ที่กว้างกว่า ไปได้ไกลและง่ายกว่าเดิมมาก วันนี้เรามาเรียนรู้ความสัมพันธ์ของสื่อมัลติมีเดียกับธุรกิจกันดีกว่าว่ามีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้าง

สื่อดีช่วยให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จ

มีหลายธุรกิจในโลกที่ประสบผลสำเร็จได้ก็เพราะมีการวางแผนการตลาดในการใช้สื่อที่ดี ที่เราจะเห็นได้ชัดเลยก็จะเป็นการทำโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ในช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, IG, Twitter ที่เป็น platform ยอดนิยม ทำให้ตลาดการแข่งขันในสื่อเหล่านี้มีค่อนข้างสูง แต่ผลตอบรับเองก็คุ้มค่าแก่การลงทุน ทำให้หลายธุรกิจเลือกที่จะทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์เป็นหลัก ทำให้หลายสื่อที่เคยใช้กันอยู่ได้รับความนิยมลดลงไปมาก การเลือกช่องทางสื่อที่ดีจึงเป็นหนึ่งส่วนที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ หมายความว่านอกจากจะต้องทำสื่อมัลติมีเดียให้ดีแล้ว การเลือก platform เองก็สำคัญไม่แพ้กัน

มูลค่าของ Brand เกิดขึ้นจากสื่อ

สื่อมัลติมีเดียคือวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น เป็นการสร้างและขยายฐานของกลุ่มลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ ผลที่เกิดจากการใช้สื่อการตลาดนอกจากจะเป็นการเพิ่มยอดขายสร้างกำไรแล้ว ก็ยังช่วยสร้าง Brand ให้ธุรกิจได้เป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้น และเมื่อ Brand เป็นที่จดจำได้ของผู้บริโภคแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือมูลค่าของ Brand ซึ่งขอบอกเลยว่าถ้าเราได้ลองดูตัวเลขมูลค่าของสินค้ายี่ห้อดัง ๆ จะพบว่ามีมากเสียจนซื้อประเทศได้เลยทีเดียว นี่คือหนึ่งพลังของสื่อที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

ธุรกิจจะไปได้ไกลต้องพึ่งมัลติมีเดีย

คงมีเพียงธุรกิจที่เลิกกิจการแล้วเท่านั้นที่จะหยุดทำสื่อโฆษณา เพราะไม่ว่าจะไปทางไหน เปิด web อะไร ใช้ App อะไร ก็มักจะพบโฆษณาที่เป็นสื่อออนไลน์อยู่ตลอดเวลาเลย แสดงว่าทุกธุรกิจต่างก็ยังคงจำเป็นที่จะต้องทำสื่อประชาสัมพันธ์อยู่ไม่ว่าจะช่วงไหน เพียงแค่ต้องดูทิศทางการตลาดให้เหมาะสมเท่านั้นเองว่าเวลาไหนควรเร่งหรือควรลด แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าธุรกิจไหน ๆ ก็จะยังคงต้องพึ่งมัลติมีเดียที่เป็นสื่ออยู่เสมอ

เพราะมีธุรกิจเลยมีการทำสื่อ และเพราะมีสื่อธุรกิจจึงยังคงสามารถเติบโตและอยู่ต่อไปได้ นี่คือความสัมพันธ์ที่ทั้งสองไม่อาจแยกจากกันได้อย่างเด็ดขาด สำหรับใครในตอนนี้ที่ทำธุรกิจอยู่ก็อย่ามองข้ามความสำคัญข้อนี้ไป และควรที่จะต้องใส่ใจรายละเอียดในการทำสื่อมัลติมีเดียให้มากด้วยเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสสำเร็จให้กับธุรกิจของตัวเอง

เรื่องของจังหวะกับการนำเสนอสื่อมัลติมีเดีย

มัลติมีเดียสำหรับในยุคปัจจุบันถือว่าเป็นหนึ่งประเภทของสื่อที่ค่อนข้างมีความหลากหลาย ด้วย platform ในการนำเสนอที่สะดวกกว่า รวดเร็วกว่า กับกลุ่มผู้ชมที่ mass กว่า ส่งผลให้สื่อประเภทมัลติมีเดียมี details ที่ผู้สร้างสื่อต้องใส่ใจมากกว่าเดิม เพื่อให้สื่อนั้น ๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหรือผู้รับสื่อที่ต้องการได้จริง และสามารถส่งให้เกิดผลที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหนึ่งวิธีที่นิยมกันอย่างมากสำหรับการสร้างสื่อมัลติมีเดียก็คือการสร้างภาพและเสียงที่มีความลงตัวสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน

จังหวะสร้างให้เกิดความน่าสนใจ

เพราะมนุษย์อยู่ร่วมกับดนตรีและจังหวะมาอย่างยาวนาน เราทุกคนจึงมีจังหวะดนตรีในหัวใจ นั่นไม่แปลกเลยที่เราทุกคนจะรู้สึกสนใจในสื่อมัลติมีเดียที่มีดนตรีและจังหวะประกอบที่ลงตัวได้อย่างง่ายดาย ด้วยเสียงซึ่งเป็นหนึ่งประสาทสำคัญที่ทำให้เกิดการรับรู้ บวกกับภาพเคลื่อนไหวหรือแม้กระทั่งภาพนิ่งที่อยู่ตรงหน้า เมื่อทั้งสองอย่างมาประกอบกันอย่างลงตัวไม่ว่าใครที่ได้พบได้เห็นก็จะเกิดความสนใจได้อย่างไม่ยากเย็นเลย

การติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ

ถ้าใครมีเวลาอยากให้ลองรับชมภาพยนตร์หรือสื่อมัลติมีเดียแบบไม่มีเสียงหรือจังหวะประกอบดู เชื่อเลยว่าคงมีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จะสามารถรับชมได้ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ที่เป็นอย่างนั้นไม่ใช่เพราะสื่อที่เราดูไม่สนุก แต่เป็นเพราะว่าเราไม่ได้ยินเสียงจังหวะประกอบไปพร้อมกับการรับชมต่างหาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเสียงหรือจังหวะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกที่จะอยากติดตามเรื่องราว สื่อที่นำเสนอ และอยากรู้ว่าเนื้อหาของสื่อมัลติมีเดียคืออะไร เหตุผลมาจากเสียงและจังหวะล้วน ๆ เลย

อรรถรสการรับชมที่มากกว่า

อย่างที่บอกไว้ในข้อก่อนหน้าว่า ถ้าไม่มีเสียงหรือจังหวะคนก็ไม่อาจจะดูสื่อมัลติมีเดียจนจบได้ นี่คืออีกเหตุผลและความสำคัญของจังหวะที่ลงตัวกับสื่อมัลติมีเดียที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมให้ผู้ชมรู้สึกสนุกและอินไปกับเรื่องราวที่ผู้สร้างต้องการนำเสนอมากขึ้น ลองยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยก็เห็นจะเป็นในสื่อภาพยนตร์สยองขวัญที่จะมีจังหวะประกอบให้เราต้องได้ลุ้นตัวโก่งอยู่ตลอดเวลา นั่นคือการทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ ของการเรียบเรียงจังหวะกับสื่อที่สัมพันธ์กันอย่างลงตัว

จากประสบการณ์ในการรับชมสื่อมัลติมีเดียของทุกคนคงจะเป็นเครื่องการันตีได้อย่างชัดเจนแล้วว่าจังหวะทั้งที่เป็นเสียงดนตรีหรือจังหวะประกอบเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่ออรรถรสในการรับชมของผู้ชมอย่างเรามากแค่ไหน ตั้งแต่การเป็นสิ่งที่สร้างให้เกิดความน่าสนใจในการรับชม การสร้างให้เกิดการจดจ่อและสนใจในสื่อตั้งแต่ต้นเรื่อง และความสนุกซึ่งมากกว่าหากเราได้รับชมสื่อมัลติมีเดียที่สร้างสรรค์ภาพประกอบกับเสียงที่ลงตัว แบบนี้สำหรับคนสร้างสื่อคงจะเห็นความสำคัญที่จะละเลยไม่ได้เลยถ้าหากว่าต้องการที่จะสร้างมัลติมีเดียที่สมบูรณ์แบบ

ภาพยนตร์ ความบันเทิงตั้งแต่อดีต สู่สิ่งที่ไร้ขอบเขต

ภาพยนตร์เป็นศาสตร์ทางศิลปะชั้นสูงที่ต้องอาศัยฝีมือ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์เป็นอย่างมาก ภาพยนตร์ให้ทั้งความบันเทิง ข้อคิดความรู้ ประสบการณ์ใหม่ ๆ และอีกหลาย ๆ อย่างแก่ผู้ชม ปัจจุบันนี้ภาพยนตร์เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของคนเราไม่น้อย ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ให้กำลังใจ รวมไปถึงสามารถสร้างอาชีพให้กับผู้คนอีกมากมาย และอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังมีแนวโน้มการเจริญเติบโตเป็นอย่างมากในอนาคต ในยุคเริ่มแรกการจะดูภาพยนตร์นั้นสามารถดูได้ทีละหนึ่งคนเท่านั้น โดยต้องดูผ่านรูเล็ก ๆ จากกล่องที่มีชื่อเรียกว่า Kinetoscope เป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมลักษณะคล้าย ๆ ตู้ และในภายหลังถูกพัฒนาให้ดีขึ้นเรียกชื่อเครื่องว่า Cinematograph ซึ่งสามารถฉายภาพออกมาสู่จอใหญ่ได้ทำให้ดูได้ทีละพร้อมกันหลาย ๆ คนจนพัฒนามาเป็นโรงฉายภาพยนตร์อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้

พบกับประสบการณ์ใหม่ของการดูหนังในโรงภาพยนตร์ 4DX และ MX4D

โรงภาพยนตร์ 4DX และ MX4D คือโรงภาพยนตร์ที่ฉายในระบบ 4 มิติ แน่นอนว่าหลายคนคงรู้จักกับระบบ 3 มิติที่เราจะต้องใส่แว่น 3 มิติแล้วไปนั่งชมภาพยนตร์มันจะเป็นภาพที่มีความตื้น ลึก หนา บาง ให้ความรู้สึกใกล้ชิดและเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ราวกับว่าเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง ๆ บางครั้งอาจเผลอคิดว่าเราสามารถจับต้องได้ แต่ภาพยนตร์ในระบบ 4 มิติเป็นอะไรที่ล้ำกว่านั้น เพราะนอกจากจะต้องใส่แว่นและรับชมผ่านระบบ 3 มิติแล้วยังเพิ่มมิติที่ 4 เข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของกลิ่น เสียง หรือการสัมผัสกับร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าในภาพยนตร์มีฉากของการดื่มเหล้าก็อาจจะมีกลิ่นเหล้า ถ้ามีฉากฝนตกก็อาจจะมีละอองน้ำพุ่งใส่ผู้ชม หรือแม้แต่ในฉากการต่อสู้เก้าอี้ที่นั่งก็อาจจะมีอะไรมากระแทกหลัง แขน ขา หรือขยับเอียงไปเอียงมาทำให้มีความรู้สึกร่วมไปกับภาพยนตร์ได้ดียิ่งขึ้น

จากกล่องสี่เหลี่ยมที่สามารถรับชมได้ทีละคน พัฒนามาสู่การรับชมที่ทำให้รู้สึกราวกับอยู่ในเหตุการณ์จริง ทุกวันนี้โรงภาพยนตร์ที่ฉายในระบบ 4D ยังไม่แพร่หลายมากนักในเมืองไทยเนื่องปัจจัยหลาย ๆ ด้านเช่น ปัจจัยเรื่องราคาของตั๋วเข้าชม และความนิยมชมชอบของคนไทย แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจและชื่นชอบจนยอมจ่ายแพงหน่อย เพื่อจะได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการรับชมภาพยนตร์และอยากเข้าไปสัมผัสถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดให้คนอื่นเข้าใจได้นอกจากจะลองไปสัมผัสมันด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าโรงภาพยนตร์ในระบบ 4D คือมิติใหม่ของการรับชมภาพยนตร์ และเป็นนวัตกรรมของการรับชมภาพยนตร์ที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้

เสียง ส่วนประกอบที่ลงตัวของมัลติมีเดีย

ถ้าพูดถึงเรื่องเสียงต้องบอกเลยว่าคือศิลปะที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติขนานแท้ เนื่องจากมันคือองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ทำให้ทุก ๆ สิ่งสมบูรณ์แบบ โดยที่ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลย ถ้าหากคุณมองออกไปที่นอกหน้าต่างแล้วเห็นลำธารที่กำลังไหลอยู่ แน่นอนว่าคงทำให้คุณรู้สึกดีไม่ใช่น้อย แต่ถ้าหากคุณได้ยินเสียงน้ำที่กำลังไหลอยู่ด้วยล่ะ แน่นอนว่ามันคงจะเพิ่มความฟินให้อีกเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว

ถ้าหากพูดเรื่องเสียงแล้วมีหลากหลายเสียงมากที่มาจากธรรมชาติแล้วให้ความรู้สึกไพเราะ สดชื่น สงบ และมีความความสุขทุกครั้งที่ได้ยิน เช่น เสียงคลื่นจากทะเล เสียงไม้ไผ่เสียดสีกัน เสียงนกร้อง เป็นต้น ซึ่งต่อมาเสียงเหล่านี้ก็ได้ถูกนำมาทำเป็นเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งนำมาประกอบกับภาพนิ่งหรือวิดีโอ เพื่อทำให้สิ่งเหล่านั้นดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

เมื่อเสียงที่เราได้ยินจากธรรมชาตินั้น ในเวลาต่อมาถูกนำมาทำเป็นเครื่องดนตรี ซึ่งทำให้เกิดความเพลิดเพลินและผ่อนคลายเมื่อได้รับฟัง ทำให้เสียงมีพัฒนาการมากขึ้นเรื่อย ๆ เครื่องดนตรีหลากหลายชนิดก็เกิดการพัฒนามากขึ้นด้วยเช่นกัน ในอดีตเสียงเคยมีมาตั้งแต่ธรรมชาติ จนมาถึงยุคที่มนุษย์สร้างขึ้น จนต่อมาเสียงได้เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมหลาย ๆ อย่าง ตั่งแต่ยุคสมัยเครื่องเล่นแผ่นเสียงซึ่งนิยมนำมาเปิดในงานเลี้ยงต่าง ๆ ไปจนถึงเปิดฟังคนเดียวเพื่อคลายเหงา ต่อมาเสียงได้เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นในยุคของวิทยุ ซึ่งคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักวิทยุ เพราะในยุคสมัยหนึ่งมันได้เข้ามามีบทบาทกับสังคมเป็นอย่างมาก เพราะในวิทยุมีทั้งข่าวสารบ้านเมืองต่าง ๆ มีเพลงเพราะ ๆ ให้ฟัง และในยุคหนึ่งเคยมีละครที่มีแค่เสียง แต่ก็ทำให้คนติดไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว เรียกได้ว่าติดกันอย่างกับละครหลังข่าวของยุคนี้เลยก็ว่าได้

พอมาถึงยุคที่ข้อมูลข่าวสารหรือแม้กระทั่งสื่อต่าง ๆ มาในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการจะทำโฆษณาข่าวสาร ละคร รายการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในทีวีหรืออินเตอร์เน็ต การนำเสียงเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้สิ่งที่ต้องการจะสื่อเข้าถึงอารมณ์ได้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดเสียงเพลงเสียงดนตรีหรือแม้กระทั่งเสียงที่มาจากธรรมชาติ ล้วนแล้วแต่ทำให้สื่อที่เป็นในรูปแบบมัลติมีเดียเกิดความสมบูรณ์ทั้งนั้น หากเราคิดถึงสื่อหนึ่งสื่อที่มีความสมบูรณ์แบบสื่อเหล่านั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประกอบไปด้วย
1.รูปภาพ
2.วิดีโอ
3.ตัวอักษร
4.เสียง
และในปัจจุบันเครื่องเล่นสื่อที่อยู่ในรูปแบบของเสียงก็มีมากมาย เช่น เครื่องเล่นCD เครื่องเล่นMP3 MP4 วิทยุ เป็นต้น

เห็นหรือยังว่าเสียงมีความสำคัญขนาดไหนต่อการรับรู้ของเรา เพราะนอกจากเสียงจะช่วยเพิ่มอรรถรสของการเสพสื่อประเภทต่าง ๆ แล้วนั้น เสียงยังส่งผลต่อระบบความจำและความรู้สึกของเราอีกด้วยเพราะการที่เราอ่านอย่างเดียวบางทีมันก็เข้าไม่ถึงอารมณ์ของผู้ที่จะสื่อ จึงมีสื่อมัลติมีเดียหลายสื่อออกมาในรูปแบบของเสียง ตัวอย่างเช่นหนังสือเสียงประเภทต่าง ๆ นั่นเอง

วิดีโอส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ของมัลติมีเดีย

หากจะพูดถึงสื่อที่เรียกว่ามัลติมีเดียแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดแทบไม่ได้เลยของสื่อประเภทนี้ก็คือ วิดีโอ เพราะการที่จะทำให้สิ่งที่คุณต้องการจะสื่อสมบูรณ์และครบถ้วนที่สุดแล้วล่ะก็ แค่ตัวอักษรหรือรูปนิ่งคงไม่พอ เพราะฉะนั้นวิดีโอจึงเป็นตัวเลือกหลัก ๆ ของสื่อประเภทมัลติมีเดีย เพราะในวิดีโอประกอบไปด้วยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง ตัวอักษร ภาพเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่ง เสียง ซึ่งทำให้วิดีโอกลายมาเป็นสื่อมัลติมีเดียหลัก ๆ ของคนที่ต้องการจะเสพสื่อ
ปัจจุบันวิดีโอเป็นมัลติมีเดียอันดับต้น ๆ ในการเลือกมาใช้งานหรือนำเสนองาน ไม่ว่าจะเป็นงานแต่ง ก็ใช้ตัววิดีโอเป็นตัวโปรโมทเพื่อให้แขกในงานได้รับชม ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาทั้งทางเว็บไซต์หรือแม้กระทั่งโทรทัศน์ก็เลือกนำเอาวิดีโอมานำเสนอ แล้วยิ่งสื่อสมัยนี้ที่ทุกคนเข้าถึงง่ายอย่างเช่น Youtube ก็ใช้วิดีโอในการนำเสนอทั้งสิ้น เห็นไหมว่าวิดีโอ เป็นสิ่งแรก ๆ ของมัลติมีเดียที่ผู้สร้างและรวมไปถึงผู้เสพเลือกเป็นอย่างแรก หากต้องการจะดูสื่อหนึ่งสื่อก็ว่าได้ หากย้อนไปสมัยแต่ก่อนที่สื่อมีเพียงรูปภาพและตัวอักษรเช่นในหนังสือ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อประเภทนี้เข้าถึงแค่คนบางประเภทเท่านั้น ถ้าคุณไม่ได้เรียนหนังสือมาแน่นอนคุณอ่านไม่ออกแน่ และสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือ ถ้าหากคุณตาบอดล่ะ คุณแทบจะไม่มีทางเสพสื่อประเภทหนังสือได้ ถ้าหากไม่มีอักษรเบรลล์ เพราะฉะนั้นสื่อประเภทวิดีโอจึงสามารถเข้าถึงคนทุกประเภทได้ เพราะหากคุณตาบอดคุณก็ยังได้ยินเสียง หรือถ้าคุณหูหนวกคุณก็ยังมองเห็น และถ้าหากคุณเป็นคนปกติแล้วล่ะก็การเสพสื่อประเภทวิดีโอยิ่งเพิ่มอรรถรสในการรับชมให้คุณได้เยอะเลย
เอาล่ะเมื่อเรารู้แล้วว่าวิดีโอมีประโยชน์ขนาดนี้เราจะมาดูกันว่ามันเข้ามามีบทบาทกับวงการใดบ้าง เริ่มด้วยวงการที่ทุกคนน่าจะรู้กันดี นั่นก็คือวงการภาพยนตร์และละคร ซึ่งแน่นอนสื่อประเภทนี้ต้องเป็นภาพเคลื่อนไหวและมีแสงสีเสียงอยู่แล้ว เพราะถ้าหากภาพยนตร์เป็นภาพนิ่งแล้วมีตัวหนังสือให้อ่าน แน่นอนว่ามันคงไม่ต่างอะไรกับการอ่านหนังสือ คนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเงินเพื่อมาดูมันหรอกจริงไหม
ต่อมาคือวงการโฆษณาอย่างที่เกริ่นไปข้างต้นแล้ว การโฆษณาที่จะเข้าถึงผู้คนและให้คนที่ดูรู้สึกและมีอารมณ์ร่วมมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นวิดีโอ ต่อมาคือวงการข่าวซึ่งแต่ก่อนมีแค่อ่านตามหนังสือพิมพ์ที่มีภาพและตัวอักษร ซึ่งเวลาเราเสพเราก็จะแค่รับรู้แต่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมมากนัก
และวงการสุดท้ายที่จะยกตัวอย่างในวันนี้คือโซเชียลมีเดีย ซึ่งแต่ก่อนมีแค่ข้อความและรูปภาพ แต่ต่อมาได้นำ วิดีโอ เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นจะเห็นได้จาก Facebook ที่เดี๋ยวนี้มีแยกหมวดหมู่ให้เราสามารถเลือกดูแต่วิดีโอได้ก็มี
จริง ๆ แล้วสื่อประเภทวิดีโอมีอยู่หลายวงการมาก ๆ นี่เป็นแค่ตัวอย่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ยกมาพอให้เห็นภาพ คุณผู้อ่านเห็นมั้ยล่ะว่ามัลติมีเดียประเภทวิดีโอนี้ ณ ปัจจุบัน กลายมาเป็นสื่อที่คนเลือกเสพเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว

รูปภาพส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ในมัลติมีเดีย

หากวันหยุดนี้เราได้ไปพักผ่อนสมองปล่อยใจ ปล่อยกาย ไปกับทะเลหรือภูเขาก็คงดี เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคิดอย่างนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นวัยเรียนหรือวัยทำงานก็ล้วนแล้วแต่เจอเรื่องหนัก ๆ มาไม่แพ้กัน ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาก็คงเรียนหนักถ้าเป็นวัยทำงานก็คงทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาได้พัก พอถึงวันหยุดทั้งทีก็คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่า การได้ออกเดินทางไปเจอสิ่งใหม่ ๆ สถานที่ใหม่ ๆ ผู้คนใหม่ ๆ โดยมีแค่เป้หนึ่งใบ กล้องคล้องคอ และเงินในกระเป๋าอีกนิดหน่อย เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย

เมื่อเราออกเดินทางเราก็มักจะพบเจอสิ่งต่าง ๆ ที่แปลกใหม่เสมอและแน่นอนเราทุกคนเมื่อเจอสิ่งสวย ๆ งาม ๆ เมื่อเรารับรู้มันผ่านเลนส์ตาเราแล้วก็คงหนีไม่พ้นการที่หยิบกล้องขึ้นมาแชะภาพงาม ๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำดี ๆ หรือแม้แต่เอามาโพสลงโซเชียลเพื่อให้ผู้คนได้รับรู้ชีวิตเก๋ ๆ ซึ่งเป็นการแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ของเรา หรือแม้แต่การนำภาพที่เราถ่ายมาเขียนเป็นบทความดี ๆ สักหนึ่งบทและนำภาพมาเป็นส่วนประกอบของบทความ ก็จะยิ่งทำให้บทความนั้นมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะคงไม่มีใครปฏิเสธว่า รูปภาพ คือส่วนประกอบสำคัญของมัลติมีเดียเป็นอย่างมากเนื่องจากมัลติมีเดียจะมีความสมบูรณ์ได้นั้นนอกจากจะประกอบไปด้วยเนื้อหาดี ๆ ตัวอักษรสวย ๆ แล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือรูปภาพสวย ๆ สักรูปนั่นเอง

เอาล่ะเดี๋ยวเราจะมาทำความเข้าใจกันว่ารูปภาพนั้นมีความสำคัญอย่างไรกับมัลติมีเดีย คุณเองคงเคยได้ยินมาแล้วว่าหากต้องการอ่านหนังสือให้เข้าใจนอกจากจะสรุปใจความสำคัญออกมาเป็นแบบย่อแล้วสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันที่จะสามารถให้คุณจดจำได้ดีคือ การทำ mind mapping ซึ่งก็คือการนำเนื้อหาต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในรูปแบบของรูปภาพเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำมากขึ้นนั่นเอง เพราะจากการวิจัยพบว่า มนุษย์เราจะสามารถจดจำได้ดีหากมีภาพหรือสีสันเข้ามาเกี่ยวข้องนั่นเอง ทีนี้คุณคงเห็นแล้วสิว่ารูปภาพนั้นมีความสำคัญขนาดไหน คราวนี้มาที่มัลติมีเดียกันบ้าง อย่างที่บอกในข้างต้นว่าการมีรูปภาพช่วยเพิ่มความน่าสนใจเมื่อรูปภาพถูกนำมาใส่ในรูปแบบของมัลติมีเดีย จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันคือความลงตัวจริงๆ การที่มัลติมีเดียมีแค่ข้อความ ถึงแม้ว่าข้อความนั้นจะมีรูปแบบอักษรที่สวยงาม มีสีสันที่สดใส จริงอยู่ว่ามันมีความน่าสนใจ แต่จะดีกว่าไหมถ้าในมัลติมีเดียนั้นมีรูปภาพเข้ามาด้วย

รูปภาพไม่ได้เพียงแค่สำคัญกับงานประเภทมัลติมีเดียเท่านั้น แต่แทบทุกอย่างที่เป็นงานศิลปะรูปภาพล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ เพราะรูปภาพเองเป็นการสื่อสารในรูปแบบหนึ่งที่ไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ มาอธิบายแต่เราก็สามารถเข้าใจความหมายของมันได้ซึ่งเราจะเคยเห็นตามภาพวาดงานศิลป์ต่าง ๆ ซึ่งแทบไม่มีคำบรรยายเลยว่าภาพนั้นคืออะไรแต่เราก็สามารถเข้าใจความหมายของภาพนั้น ๆ ได้ พออ่านมาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านก็คงจะเข้าใจถึงความสำคัญของรูปภาพแล้วไม่มากก็น้อย ถ้ายังไม่เห็นภาพว่ารูปภาพเป็นส่วนประกอบสำคัญของมัลติมีเดียยังไงคุณผู้อ่านลองมองว่ามัลติมีเดียคือกาแฟหนึ่งแก้วตัวอักษรคือตัวกาแฟส่วนรูปภาพคือครีมเทียมและน้ำตาลเห็นหรือยังว่ามันขาดกันไม่ได้จริง ๆ เว้นเสียแต่ว่าคุณผู้อ่านจะชอบกาแฟดำ

มัลติมีเดียสิ่งที่หลายคนยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ และมันเกี่ยวข้องอะไรกับเราวันนี้

หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า “มัลติมีเดีย” กันมาไม่มากก็น้อย และก็คงจะตีความหมายกันไปต่าง ๆ นานา แต่จะมีสักกี่คนที่รู้และเข้าใจมันจริง ๆ ว่ามัลติมีเดียนี้คืออะไร เกิดขึ้นมาทำไม และมีประโยชน์อย่างไร เดี๋ยววันนี้เราจะไปทำความเข้าใจกัน

มัลติมีเดีย ประกอบด้วยคำสองคำรวมกัน คือคำว่า มัลติ และคำว่า มีเดีย ซึ่งคำว่ามัลติหากแปลง่าย ๆ ก็คือหลากหลาย ส่วนคำว่า มีเดีย แปลง่าย ๆ ให้เข้าใจก็คือสื่อ โดยเมื่อนำคำสองคำนี้มารวมกันแล้วก็จะให้ความหมายประมาณว่า สื่อที่ประกอบไปด้วยหลายสิ่งมารวมกัน โดยมัลติมีเดียนี้ประกอบไปด้วยหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ตัวอักษร รูปภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว วิดีโอ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้เมื่อนำมาผสมเข้าด้วยกันจะทำให้สื่อหนึ่งสื่อ มีความสมบูรณ์และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หากย้อนไปสมัยแต่ก่อนถ้าเราต้องการเสพสื่อสักหนึ่งสื่อ เช่น หนังสือพิมพ์ เราก็จะเห็นแค่เพียงข้อความที่เป็นตัวอักษร ซึ่งในยุคต่อมาหนังสือพิมพ์ก็เริ่มมีรูปภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงแม้ในยุคเริ่มแรกจะมีแค่ภาพขาวดำและตัวอักษรที่ไม่มีสีสันอะไรเลย แต่ก็ให้อรรถรสที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าแค่อ่านตัวอักษร ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นสื่อเริ่มมีสีสันเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้หนังสือพิมพ์ หนังสือ หรือนิตยสาร มีความน่าอ่านมากยิ่งขึ้น เพราะจากการวิจัยพบว่าสีสันที่สดใสงดงามมักจะทำให้คนมีความสนใจที่จะอ่านมากขึ้น

พออ่านกันมาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านก็คงพอจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้วว่ากว่าจะมาเป็นมัลติมีเดียมันได้ผ่านอะไรมาบ้าง คราวนี้เรามาเข้าเรื่องกันเลย เมื่อถึงยุคหนึ่งที่เทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมากขึ้นทำให้ผู้คนเริ่มหันไปให้ความสนใจกับคอมพิวเตอร์มากกว่าการอ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร จึงทำให้คนที่ทำสื่อเริ่มคิดแล้วว่าในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจะทำอย่างไรให้คนหันมาสนใจสื่อเหมือนเดิม จึงได้เริ่มมีสื่อที่เป็นออนไลน์มากขึ้นโดยสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ใช้มัลติมีเดียเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยการทำสื่อออนไลน์จะเน้นผสมหลายสิ่งหลายอย่างเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ตัวอักษรที่มีสีสันสวยงาม วิดีโอสั้น ๆ ที่นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ภาพถ่ายหรือภาพการ์ตูนที่ดูแล้วเข้ากันกับสิ่งที่จะสื่อ เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มาผสมกันแล้ว จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า “มัลติมีเดีย”

ซึ่งในปัจจุบันนี้ สื่อที่เป็นมัลติมีเดียได้เข้ามามีบทบาทในหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ เว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งโซเชียลมีเดียเองก็ตาม ซึ่งทุกคนรู้จักสื่อเหล่านี้ดีเพราะสามารถพบเห็นบ่อย ๆ ในอินเตอร์เน็ต มาถึงตรงนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคปัจจุบันนี้แทบในทุกอย่างที่เราทำในแต่ละวัน ตั้งแต่จับโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ค Facebook ในตอนเช้าไปยันดูทีวีก่อนนอนในตอนค่ำมัลติมีเดียก็ได้อยู่ในทุก ๆ ส่วนของชีวิตเราแทบทั้งสิ้น